หากจะพูดถึงทรัพยากรที่สำคัญที่สุดขององค์กรนั้น ก็คงจะหนีไม่พ้นทรัพยากรมนุษย์ จึงทำให้องค์กรต่าง ๆ เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับความสุขของ พนักงานมากขึ้นเนื่องจาก พนักงานแต่ละคนนั้นเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยให้องค์กร ขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ และผลการวิจัยพบว่าการที่พนักงานมีความสุข ในการทำงานนั้นจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น ซึ่งนอกเหนือจากสวัสดิการแล้ว รูปแบบของออฟฟิศนั้นก็ส่งผลต่อพนักงานเช่นกัน ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่า รูปแบบของออฟฟิศที่น่าอยู่นั้นก็มีผลต่อการดึงดูดบุคลากรที่มีคุณภาพให้มาร่วมกับองค์กรของเราอีกด้วย

  วันนี้เราจะพามาดูการออกแบบเทรนด์ออฟฟิศแนวใหม่ที่จะช่วยเพิ่มความสุขของพนักงานเพื่อให้พนักงานได้มีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น

1. พื้นที่ทำงานที่ปรับเปลี่ยนได้

  พื้นที่ทำงานที่มีความยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม เช่น ห้องทำงานที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้องประชุมได้ อาจจะมีบานเลื่อนในการเลื่อนฉากมากั้น พร้อมเก้าอี้ และโต๊ะสำนักงานที่ติดล้อสามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก ทำให้สามารถจัดพื้นที่ทำงานให้เข้ากับสถานะการณ์ได้

2. พื้นที่แบบไม่เป็นทางการ

  ออฟฟิศสมัยใหม่นั้นเราจะเห็นว่ามีรูปแบบที่ไม่ตายตัวมากขึ้น พื้นที่ในแต่ละพื้นที่จะมีการใส่ไอเดียแปลก ๆ เข้าไป เช่น มีสไลด์เดอร์ลงมาจากชั้น 2 หรือมีการแบ่งโซนให้พนักงานสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ หรือกระทั่งการทำให้ทุก ๆ ที่ในอาคารสามารถทำงานได้ไม่กำหนดว่าต้องทำงานแค่ที่โต๊ะของตัวเอง การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ก็มีผลต่อการจัดออฟฟิศแนวนี้ เช่น การเลือกเก้าอี้ Bean bag มาใช้แทนเก้าอี้สำนักงาน มีผลวิจัยพบว่าการที่พนักงานได้ทำงานในบรรยากาศที่ผ่อนคลายนั้นจะช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ดีขึ้นได้

3. ใกล้ชิดกับธรรมชาติ

  มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า การที่มนุษย์เราอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาตินั้นจะช่วยให้มีจิตใจที่สงบ ซึ่งจะช่วยให้ประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้นได้โดยเราสามารถนำธรรมชาติให้เข้ามาอยู่ในออฟฟิศของเราได้อย่างง่าย เช่น การนำต้นไม้ที่ สามารถปลูกในที่ร่มได้มาปลูกในออฟฟิศ หรือการเลือกใช้วัสดุตกแต่งที่มาจากธรรมชาติเช่น ไม้เป็นต้น

4. สถานที่ทำงานเพื่อสุขภาพ

  ปัญหาที่พนักงานออฟฟิศหลายต่อหลายคนพบก็คือปัญหาด้านสุขภาพ ออฟฟิศซินโดรม โรคคอยื่น หมอนรองคออักเสบ ข้อมืออักเสบ ซึ่งส่งผลมาจากการนั่งทำงานนาน ๆ ในอิริยาบถ เดิม ๆ ซึ่งหลาย ออฟฟิศก็เริ่มเล็งเห็นถึงปัญหานี้

  แนวทางการแก้ปัญหานี้ เช่นเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์สำนักงานที่ออกแบบมาให้เข้ากับสรีระร่างกาย หรือจัดให้มีพื้นที่ให้พนักงานได้ผ่อนคลายอิริยาบถ โดยอาจจะมีโซฟาสักตัว ให้พนักงานได้นั่งฟังการประชุมแบบไม่เป็นทางการ หรือแม้กระทั้งจัดโต๊ะสำหรับให้พนักงานสามารถยืนทำงานได้ เพื่อให้พนักงานมีอิริยาบถที่หลากหลาย 

5. พื้นที่ทำงานแบบเปิด

  การมีพื้นที่ทำงานแบบเปิดโล่งไม่ต้องมีห้องกั้นนั้น จะช่วยเพิ่มความสะดวกในการติดต่องานมากขึ้นหากมีปัญหา ก็สามารถเดินไปถามได้ไม่ต้องเดินไปหาอีกห้อง ทำให้หัวหน้าหรือผู้บริหารสามารถรับรู้และช่วยแก้ปัญหาได้ทันที และยังทำให้หัวหน้างานกับลูกน้องได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น มีความเปิดเผยต่อกัน หากต้องการความเป็นส่วนตัว หรือความเป็นสัดส่วนก็สามารถนำชั้นวาง หรือฉากมากั้นก็จะช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

6. พื้นที่ประชุมแบบเปิด

  การทำพื้นที่ประชุมแบบเปิดนั้น จะช่วยให้พนักงานที่ไม่มีความเกี่ยวข้องสามารถมีส่วนร่วมได้มากขึ้นโดยอาจจะมีการแชร์ไอเดียเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งจะทำให้งานเร็วขึ้น บวกกับบรรยากาศที่ไม่ค่อยเป็นทางการ ทำให้มีความเป็นกันเอง ซึ่งพื้นที่ประชุมแบบเปิดนั้นควรมีการเตรียมอุปกรณ์ไว้ให้พร้อมเช่นไวท์บอร์ด หรือโปรเจคเตอร์เพื่อพร้อมฉายสไลด์ โดยเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ควรทำให้ดูสบาย ๆ เพิ่มความเป็นกันเอง เช่น ใช้โซฟา แทนเก้าอี้สำนักงานแบบปกติ เพื่อให้พนักงานได้ผ่อนคลาย

7. พื้นที่พักผ่อน

  ในบางครั้งที่พนักงานทำงานติดต่อกันเป็นเวลา 7 - 8 ชั่วโมง หรือแม้กระทั่งพนักงานที่ทำงานจนดึกดื่น ก็จะมีอาการเหนื่อยล้า ซึ่งอาการเหนื่อยล้านี้ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลงหลาย ๆ บริษัทจึงได้จัดพื้นที่ไว้ให้พนักงานเพื่อจะได้ใช้พักผ่อนเติมพลัง เช่น ห้องไว้สำหรับงีบหลับพักผ่อนเพื่อให้พนักงานได้ตื่นมาพร้อมกับสมองที่สดใสกว่าเดิม ห้องครัว ที่มีอาหาร ขนม และกาแฟบริการ ห้องเล่นกีฬาที่ไม่ต้องใช้พื้นที่เยอะมากเช่น ปิงปอง ฟิตเนส