ความแตกต่าง ไม้จริง VS ไม้เทียม

1. ไม้จริง

ไม้จริง จะมีลักษณะเฉพาะตัวขึ้นอยู่กับพันธ์ุไม้ มีความแข็งแรง คงทน โดยก่อนนำมาใช้งานจะผ่านกระบวนการชุบน้ำยาและอบแห้ง เพื่อป้องกัน ปลวก แมลง รวมไปถึงช่วยลดความชื้นของเนื้อไม้อีกด้วย หากต้องการนำไปใช้งานภายนอก ควรเลือกไม้ที่มีเนื้อแข็ง เช่น ไม้เต็ง ไม้มะค่า ไม้แดง ไม้ประดู่ เป็นต้น

2. ไม้เทียม

ไม้เทียมเป็นวัสดุที่ทำขึ้นเพื่อเลียนแบบให้ใกล้เคียงกับไม้จริง ทั้งรูปร่าง และสีสัน ปัจจุบันไม้เทียมมีอยู่ 2 ประเภท คือ

2.1 ไม้เทียมไฟเบอร์ซีเมนต์ (Fiber cement)

มีส่วนผสมของปูนซีเมนต์กับเส้นใยต่าง ๆ และนำมาผ่านกระบวนการอัดขึ้นรูปตามแบบ ที่ต้องการ ได้แก่ ไม้พื้นระแนง ไม้บัว เป็นต้น

2.2. ไม้เทียม Wood Plastic Composite (WPC)

มีส่วนผสมของพลาสติก และไม้ จึงทำให้ไม้เทียมที่ได้มีคุณสมบัติเหมือนกับไม้ และพลาสติก

- ไม้เนื้อแข็ง

เนื้อไม้จะมีสีเข้ม มีความเหนียวและแข็งแรง ทนต่อสภาพอากาศภายนอกได้ดี มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน โดยจะมีค่าความแข็งแรงอยู่ที่ 1,000 กก./ลบ.ม. ได้แก่ ไม้เต็ง ไม้มะค่า ไม้ตะแบก ไม้แดง และไม้ประดู่ เป็นต้น

- ไม้เนื้อแข็งปานกลาง

เนื้อไม้ มีความแข็งแรง หดตัวน้อย สามารถทนต่อสภาพอากาศได้ดีเท่ากับไม้เนื้อแข็ง แต่จะรับน้ำหนักได้ไม่มาก จึงนิยมนำไปทำเฟอร์นิเจอร์ โดยจะมีค่าความแข็งแรงอยู่ที่ 600 – 1,000 กก./ลบ.ม. ได้แก่ ไม้สัก ไม้พลวง ไม้ตะแบก ไม้นนทรี และไม้ตาเสือ เป็นต้น

- ไม้เนื้ออ่อน

เนื้อไม้จะมีสีจาง สีอ่อนไปจนถึงสีเข้ม มีความทนทานน้อย โดยจะมีค่าความแข็งแรงต่ำกว่า 600 กก./ลบ.ม. ได้แก่ ไม้ยาง ไม้พะยอม ไม้กระท้อน ไม้กระเจา และไม้ต้นมะพร้าว เป็นต้น

- ข้อดีของไม้จริง

• ลายไม้ที่ได้สวยงาม เป็นธรรมชาติ
• มีความแข็งแรง คงทน
• สามารถโดนน้ำได้
• ทนต่อสภาพอากาศ

- ข้อเสียของไม้จริง

• มีราคาสูง
• ต้องพบกับปัญหา แมลง และปลวก
• มีการยืด หดตามสภาพอากาศ และการใช้งาน

- ข้อดีของไม้เทียม

• ราคาถูกกว่าไม้จริง
• หมดปัญหาเรื่อง แมลง และปลวก
• หาซื้อได้ง่าย และติดตั้งง่าย
• ช่วยลดปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า

- ข้อเสียของไม้เทียม

• ลวดลายไม้ไม่เป็นธรรมชาติ
• เป็นรอยขีดข่วนง่าย
• เป็นวัสดุสะสมความร้อน ทำให้ไม่เย็นเหมือนไม้จริง
• อาจมีค่าใช้จ่ายในการทาสีใหม่